05 ก.พ. 2568 34 ครั้ง
Kick Off “ห้ามเผา-ไถกลบตอซัง” ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แก้ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่น PM2.5
(3 ก.พ. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการปฏิบัติการวันแรกของกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน พร้อมกำชับฝ่ายป้องกันและปราบปรามบังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมผู้เผาอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานต่อ บกปภ.ช. ว่า ได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติในช่วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาด เพื่อสกัดกั้นการเข้าไปเก็บหาของป่า รวมทั้งการลักลอบล่าสัตว์และเผาป่าซึ่งมักจะกลายเป็นไฟป่าที่ลุกลามเป็นวงกว้างและก่อให้เกิดจุดความร้อนและฝุ่นควันฟุ้งกระจายโดยเบื้องต้นมีอุทยานฯ ที่ประกาศปิดป่า ดังนี้
1. อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.เชียงใหม่ (ตั้งแต่ 1 ก.พ. - 30 เม.ย. 68)
2. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (ตั้งแต่ 1 ก.พ. - 30 พ.ค. 68)
3. อุทยานแห่งชาติภูผายล อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็กและวนอุทยานภูผาแด่น จ.สกลนคร (ตั้งแต่ 20 ม.ค. – 30 พ.ค. 68)
ทั้งนี้ บกปภ.ช. ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด กรณีฝ่าฝืนเข้าไปในเขตอุทยานฯ ที่ประกาศปิด มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และหากพบว่าเข้าไปมีส่วนกับการลักลอบเผาป่าต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการเผาในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และชั้น 2 จะมีโทษที่รุนแรงมากขึ้น บกปภ.ช. ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีพื้นที่เกษตรรอบผืนป่า ให้ระมัดระวังการก่อไฟที่อาจลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่า หากพบว่ามีไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ จะถือว่าเข้าข่ายความผิดเดียวกับการลักลอบเผาป่า
• กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศโดยรวมบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศค่อนข้างแห้ง ซึ่งจะต้องระวังในเรื่องของการเกิดอัคคีภัย และเกิดลมแรงในช่วงวันที่
4 - 5 ก.พ. นี้ ส่วนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลมมีกำลังอ่อนแรง ในวันที่ 6 - 8 ก.พ. อาจจะมีปริมาณฝุ่นที่เพิ่มมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด โดยสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. เป็นต้นไป
กระทรวงเกษตรฯ Kick Off “ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม” ทั่วประเทศ
(2 ก.พ. 68) นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม” ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ บ้านเตาไห หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งรวงทอง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พร้อมรับชมการถ่ายทอดสดไปยังอีก 72 จังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการเผา โดยมีนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงาน ไถกลบตอซัง ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา และนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงาน
ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมพัฒนาที่ดินจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีจากการเผาสู่การไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อเตรียมดิน และผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุในท้องถิ่น เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ดินมีสมบัติเหมาะสมต่อการปลูกพืชอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาวและยังช่วยลดผลกระทบต่อการเกิดภาวะโลกร้อนด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมขับเคลื่อนและป้องกันปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมให้บรรลุตามเป้าหมายการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2613 ตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ในเวทีโลก โดยวางแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมปี 2567/68 คือ
1) การเฝ้าระวัง สร้างการรับรู้ และป้องปรามการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงตัดสิทธิการได้ความช่วยเหลือชดเชยต่าง ๆ จากภาครัฐ
2) การส่งเสริมการเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
มท. - กรมประชาสัมพันธ์ สื่อสารผ่านหอกระจายข่าวหมู่บ้าน 75,000 แห่ง
(3 ก.พ. 68) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ได้มอบแนวทางให้กรมประชาสัมพันธ์ เน้นการทำงานเชิงรุกร่วมกับภาครัฐ เอกชน เครือข่ายสื่อมวลชน และภาคประชาชน โดยปรับรูปแบบการสื่อสารให้รวดเร็ว เข้าถึงประชาชนทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะการใช้กลไกภาครัฐที่มีอยู่ในการนำข่าวสารของ 20 กระทรวง ซึ่งเป็นข่าวสารสำคัญที่ควรรู้ ไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง
• กรมประชาสัมพันธ์ ได้บูรณาการทำงานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล และประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่สำคัญผ่านหอกระจายข่าวในหมู่บ้านทั้ง 75,000 แห่ง
• จัดส่งข่าวที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) ให้กระทรวงมหาดไทย โดยการรับสัญญาณผ่านระบบวิทยุคมนาคมแบบดิจิทัล (Digital Trunked Radio System) เชื่อมโยงสัญญาณและเผยแพร่คลิปเสียงวิทยุไปสู่หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านในทุกพื้นที่ พร้อมกันทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 68 เป็นต้นไป
• จัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงาน กำกับ ติดตามและประเมินผลการรับรู้ในระดับพื้นที่ทุกจังหวัด
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านที่กรมประชาสัมพันธ์ทำงานบูรณาการร่วมกันกับกระทรวงมหาดไทย จะเป็นช่องทางสื่อสารข้อมูลสำคัญไปถึงระดับชุมชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ซึ่งในปัจจุบัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ปัญหาและบูรณาการความร่วมมือ โดยใช้กลไกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (บกปภ.ช.) เพื่อลดต้นตอของฝุ่นควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยจะมีการใช้ประโยชน์จากหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ในการรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหา PM2.5 รวมถึงการขอความร่วมมือลดเผา ลดควัน ลดการก่อมลพิษ
https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/361576